
เงิน งาน ความมั่นคง และภาษาญี่ปุ่น?
หลายๆคนที่เรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ตอนนี้ ก็อาจจะมีคิดแว้บๆ วาบๆ ขึ้นมาว่า…เรียนภาษาญี่ปุ่นแล้ว มันดียังไงเหรอ?
แล้วเราจะได้อะไรจากการเรียนภาษาญี่ปุ่น(วะ)?
บทความนี้จะเป็นตัวช่วยยืนยันว่า หนูคิดถูกแล้วที่เลือกมาเรียนภาษาญี่ปุ่น ครับ !
เพื่อให้เข้าใจง่าย ครูขอไกด์นิดนึงครับว่า บทความนี้มีหัวข้ออยู่ 3 หัวข้อ ซึ่งจะเชื่อมโยงภาษาญี่ปุ่นกับเรื่อง

①
เราควรรู้ภาษาญี่ปุ่นเพราะ…
เจ้าพ่อที่ขนเงินมาลงทุนในประเทศไทยอันดับ 1 หลายต่อหลายปี คือ
เจ่แพ้นนนนนนนนน (Japan) !!!
ซึ่งนี่เป็นข้อมูลสถิติจาก สำนักงานกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI
จากตารางอันดับเงินลงทุนจากต่างประเทศ ย้อนหลัง 6 ปี เราจะพบว่า ญี่ปุ่นครองอันดับ 1 แทบทุกปีเลยครับ
เจ้าพ่อแดนอาทิตย์อุทัยขนเงินมาลงทุนมาเมืองไทย ก็สร้างงานสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยเป็นจำนวนมากเช่นกันครับ
แน่นอนว่าญี่ปุ่นก็เป็นเจ้าพ่อโครงการที่เข้ามาลงทุนในเมืองไทยด้วยครับ จำนวนโครงการของญี่ปุ่นรวมเยอะที่สุดใน 5 ปีที่ผ่านมา ไม่เว้นแม้แต่ปีที่เราประสบการปัญหาโรคระบาด โควิด 19 เมื่อปีที่แล้ว (2563) โครงการของญี่ปุ่นก็เยอะที่สุด โดยสามารถดูจากกราฟด้านล่างได้เลยครับ

ดังนั้นบุคลากรที่รู้ภาษาญี่ปุ่นคือผู้ที่สามารถสานต่อและทำให้โครงการ การลงทุนแต่ละโครงการออกดอกออกผล และทำให้เศรษฐกิจไทยแข็งแรงขึ้นได้อีกครับ
การที่มีเจ้าพ่อเงินลงทุน มาลงทุนในเมืองไทยต่อเนื่องแบบนี้ น่าจะตอบโจทย์ เรื่อง “ความมั่นคง” ได้อยู่นะ เพราะการลงทุนจากญี่ปุ่น เป็นการลงทุนแบบระยะยาว (*ศัพท์เฉพาะเรียกว่า FDI (Foreign Direct Investment) ) ซึ่งเป็นการสร้างงานและสร้างรายได้ระยะยาว เช่น การตั้งบริษัท การสร้างโรงงาน เป็นต้น ซึ่งญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่ได้ลงทุนในเมืองไทยแบบระยะสั้น หรือตักตวงผลประโยชน์จนพอใจแล้วก็รีบขนเงินกลับประเทศ เช่น การลงทุนในตลาดเงินหรือตลาดหุ้น เป็นต้น ครับ
②
เราควรรู้ภาษาญี่ปุ่นเพราะ…
บุคลากรที่สามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นในระดับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมยังไม่เพียงพอในประเทศไทย

กราฟด้านบนนี้แสดงจำนวนผู้สมัครสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น หรือ Japanese Language Proficiency Test (JLPT) ตั้งแต่ปี 2015-2019
จากกราฟ เราจะพบว่า หลังจากปี 2018 (ด้านขวาของเส้นประสีน้ำเงิน) ผู้ที่สมัคร N1 N2 N3 มีแนวโน้มลดลง แต่ผู้ที่สมัคร N4 N5 กลับยังอยู่ในจำนวนที่สูง แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่สามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่ระดับกลางถึงสูงนั้นมีแนวโน้มที่ลดลง แต่ผู้ที่สามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นระดับต้นกลับมีแนวโน้มที่ยังสูงอยู่
ยิ่งคิดคำนวณคนที่รอดจากการสอบ JLPT มาได้แล้วนั้น….เอิ่ม…
N1 เฉลี่ย 5 ปี 1,889 คน สอบผ่าน 552 คน (29.20%)
N2 เฉลี่ย 5 ปี 3,924 คน สอบผ่าน 1,401 คน (35.70%)
N3 เฉลี่ย 5 ปี 5,187 คน สอบผ่าน 1,821 คน (35.10%)
N4 เฉลี่ย 5 ปี 6,443 คน สอบผ่าน 2,255 คน (35%)
N5 เฉลี่ย 5 ปี 7,101 คน สอบผ่าน 3,231 คน (45.50%)
(*คำนวณคร่าวๆจากเปอร์เซ็นต์ผู้สอบผ่านโดยรวมทุกประเทศเท่านั้น)
พูดง่ายๆก็คือ ถ้าเราวัดจากผล JLPT ในแต่ละปี คนไทยที่เก่งภาษาญี่ปุ่นนั้น ยังมีน้อยมาก (ขอใช้เกณฑ์วัดเพียง JLPT ก่อนนะครับ เพราะครูก็เข้าใจว่าคนที่เก่งภาษาญี่ปุ่นที่ไม่ได้สอบ JPLT ก็มีอยู่ด้วยครับ)
ดังนั้น เนื่องจากบุคคลกรยังไม่เพียงพอ การรู้ภาษาญี่ปุ่น สามารถตอบโจทย์เรื่อง “งาน” ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว (ก็คือ ตกงานยาก ได้งานง่าย นั่นแหละ)
③
เราควรรู้ภาษาญี่ปุ่นเพราะ…
เมื่อ ความต้องการ บุคลากรที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นยังมีสูง ในขณะที่จำนวนทรัพยากรบุคคลนั้นยังไม่เพียงพอ… สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ ค่าตัวของบุคลากร ยังคงอยู่ในระดับสูงอยู่มาก
อืมๆ พวกเราเป็นของหายาก ว่างั้น (ว่าซั่น)
หลักฐานที่ค่อนข้างชัดเจนก็คือ Online Salary guide 2021 จาก เวปไซด์ หางาน Addeco Thailand
เงินเดือนสูงสุดของบุคคลกรจบใหม่ที่สามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นนั้นคือ 70,000 บาท ! ในขณะที่สายงานต่างๆ เงินเดือนสูงสุดจะอยู่ที่ 25,000 – 35,000 บาท (ยกเว้นสายงาน IT ที่เงินเดือนสูงสุดอยู่ที่ 60,000 บาท แต่ก็แพ้บุคลากรที่สามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นได้อยู่ดี) ตัวอย่างนี้ ก็น่าจะตอบโจทย์เรื่อง “เงิน” ได้พอสมควร
จากบทความนี้ ถ้าเป้าหมายของผู้อ่าน คือ เงิน… งาน… ความมั่นคง…
การที่ท่านกำลังศึกษาภาษาญี่ปุ่น ก็น่าจะตอบโจทย์การมุ่งสู่เป้าหมายของท่านอยู่ ก็เป็นได้ครับ
แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
★★★彡( ครูพี่วิทย์ ) ★★★
ขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักงานกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI
www.boi.go.th
Japanese Language Proficiency Test (JLPT)
https://www.jlpt.jp/e/
Adecco Thailand
https://adecco.co.th/salary-guide

สนใจสมัครเรียน หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
โรงเรียนสอนภาษา สมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่น ในพระบรมราชูปถัมภ์
สาขาพหลโยธิน 📞 02-357-1241-5
สาขาจามจุรี 📞 02-160-5073-4